[Short fic] ของขวัญวันเกิด
ผู้เข้าชมรวม
80
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ของขวัญวันเกิด
ร่างบางแหงนหน้ามองท้องฟ้ามืดครึ้ม ดูท่าว่าฝนจะตก เธอดูนาฬิกาครั้งแล้วครั้งเล่าสลับกับชะเง้อหารถของคนรัก ที่มันสมควรจะมาถึงได้แล้ว
เวลาล่วงเลยไปจนเป็นสองชั่วโมงนับจากที่เธอนัดกับเขาว่าจะมายืนรอที่ป้ายรถเมล์ การจราจรของกรุงโซลยามเย็นที่แสนแออัดยิ่งทำให้พรรณวสาอารมณ์เสีย มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ดูจุนสายแบบนี้ ไม่สิ…พักหลัง มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยต่างหาก
ปกติพรรณวสาไม่ใช่ผู้หญิงประเภทขี้วีนขี้เหวี่ยง ขี้กล่าวหาว่าแฟนตนเองผิดนัดเพราะเรื่องนู้นเรื่องนี้ ความจริงก็คือ ในเมื่อวันที่ผ่านๆมาเขาไม่มีเวลาให้เธอเลย และพรุ่งนี้คือวันเกิดของเธอ คืนนี้เขาก็ควรจะใช้เวลากับเธอให้ยาวนาน
ไม่ใช่ปล่อยให้เสียเวลารออยู่อย่างนี้ !
รถคันหนึ่งขยับมาจอดตรงหน้า ชายหนุ่มภายในรถลดกระจกลงและทักทายเธอเสียงดัง
“แกรนด์ ! จะไปไหน !?” มินซอกยิ้มกว้าง ใบหน้าน่ารักมุ้งมิ้งอยู่ภายใต้แว่นตาสีดำและหมวกอำพราง แต่พรรณวสาก็ยังจำน้ำเสียงและท่าทางของเขาได้ เพราะรู้จักกันมาเป็นปีแล้ว
หญิงสาวส่ายหน้าเพราะขี้เกียจตอบยืดยาว หน้าตาแสดงออกถึงความไม่สบอารมณ์อย่างจริงใจ
“ไปส่งป่าววววว” มินซอกถามอย่างเป็นมิตร พรรณวสากำลังจะส่ายหน้าปฏิเสธ แต่แล้ว ฟ้าก็ร้องลั่น ลมพายุพัดแรงและฝนกำลังกระหน่ำลงมา
“เห้ย ฝนตกแล้ว ขึ้นรถก่อนมั้ย”
คนที่ยืนอยู่แถวๆป้ายรถเมล์พากันวิ่งหลบฝนให้วุ่น พรรณวสาจึงจำเป็นต้องหนีความแออัดเข้าไปนั่งอยู่ในรถของมินซอกจนได้
“รถโคตรติดเลย… ฝนก็ตกอีก” มินซอกถอดแว่นกันแดดออกแล้วบ่นอะไรงึมงำพรรณวสาก็ไม่ได้สนใจฟัง “ตกหนักซะด้วย ถ้ารีบๆอยู่นี่แย่เลยนะเนี่ย”
‘ดูจุนคงกำลังรีบสินะป่านนี้…’ พรรณวสานึกในใจ ‘ตามหาตัวเราไม่เจอไปเลยก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าความรู้สึกคนรอมันเป็นยังไง!’
“ไปส่งที่ร้านSweet Sinหน่อยดิ”
พรรณวสาบอกมินซอก ชายหนุ่มก็เลี้ยวรถไปทางอับกูจองทันที แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงรุ่นพี่ที่รู้จักกัน แต่เขาก็เทคแคร์เธอดีเยี่ยมเสมอ
น่าแปลกที่พรรณวสาไม่เคยหวั่นไหวกับมินซอกเลย
เธอกลับให้หัวใจทั้งหมดกับดูจุน ผู้ซึ่งมารับมาส่งเธอนับครั้งได้
“ร้านเค้กที่เปิดใหม่ใช่ปะ”
“อื้ม”
“นัดแฟนไว้เหรอ”
หญิงสาวเงียบ.. มองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างเซ็งๆ ไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าที่หมองหม่นลงของคนที่กำลังขับรถ
‘รุ่นพี่…ก็คงจะเป็นได้แค่ รุ่นพี่สินะ’
มินซอกนึกในใจและรู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที แต่เขาเป็นประเภทชอบแสดงออกว่าร่าเริงสดใสอยู่ตลอดเวลา เขาจึงชวนพรรณวสาคุยตลอดทาง พรรณวสาเองก็ตอบส่งๆไปด้วยความรำคาญ ไม่รู้เลยว่าอีกคนกำลังฝืนใจพาผู้หญิงที่ตนเองรัก ไปส่งให้กับคนรักของเธอ
ก่อนจะลงจากรถ มินซอกเสนอจะให้พรรณวสายืมร่ม แต่เธอก็ปฏิเสธ เพราะคิดว่าไม่จำเป็นสำหรับขาลุยอย่างเธอ
ร้าน Sweet Sin ในเวลานี้ไม่มีลูกค้าอยู่เลย พรรณวสาเข้ามานั่งชิดกระจก มองไปก็เห็นเพียงฝ้าไอเย็นและเม็ดฝนที่เกาะอยู่ ภายในร้านเปิดแอร์เบาๆทำให้บรรยากาศเย็นกำลังพอดี
แต่สำหรับคนเหงาแล้ว…นี่มันหนาวมากๆจนใจสั่นระริก
ใจหนึ่งพรรณวสาก็เป็นห่วงดูจุน อีกใจก็อยากรู้ว่า เขาจะจำได้หรือเปล่าว่า เมื่อสามวันก่อน เธอบอกเขาในคาคาโอทอล์คว่าอยากมากินเค้กที่นี่ แล้วเขาจะห่วงเธอบ้างไหม หรือว่าจะงานยุ่งจนจำวันเกิดแฟนตัวเองไม่ได้ ?
สายเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือแสดงชื่อ ‘ตาลุงแก่แก่<3’ พรรณวสาชั่งใจว่าจะรับดีหรือไม่
เป็นเวลาสักพักมันก็ดับไป แล้วก็ดังขึ้นมาอีก เธอตัดสินใจปิดสัญญาณ
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่พรรณวสาเฝ้ารอ จนกระทั่งเธอฟุบหลับลงกับโต๊ะ และมีใครบางคนมาสะกิดเรียก
“ขอโทษนะคะ ร้านปิดแล้วค่ะ”
พรรณวสาตื่นขึ้นมาอย่างมึนๆ เธอมองไปรอบๆ พลางค้อมหัวเล็กน้อยเป็นการขอบคุณและขอโทษพนักงาน เธอเดินออกมาด้วยจิตใจที่ว่างเปล่า
และแล้ว รถคันที่เธอรอคอยมาแสนนานก็เลี้ยวเข้ามาจอดเทียบหน้าร้าน พรรณวสาเตรียมจะงอนเดินหนี แต่ดูจุนก็รู้ทัน ขับเลยหน้าร้านออกมาดักเธอไว้ก่อน
“ฝนตกยังจะเดินอีก” คำแรกที่เขาพูดเมื่อลดกระจกลง กลับกลายเป็นดุเธอซะงั้น พรรณวสาพยายามจะไม่สนใจใบหน้าหล่อเหลากับทรงผมเปิดหน้าผากที่ดูหล่อพิเศษ เธอตีหน้าบึ้งใส่เขาพร้อมพูดเสียงเข้ม “ไม่มีคนมารับก็เลยต้องเดินไง”
“มาแล้ว ก็ขึ้นมาซะทีสิ”
พรรณวสาอารมณ์เสียที่เขาพูดเหมือนมันเป็นความผิดของเธอ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าดูจุนเป็นคนแบบนี้ แต่เธอก็ยังอยากให้เขาขอโทษสักครั้ง
“ไม่เอาอะ เบื่อ”
พรรณวสาตัดบทดื้อๆแล้วเดินไปเลย ทำเอาดูจุนต้องรีบใส่แว่นดำแล้ววิ่งออกจากรถมาหาเธอ วินาทีที่พรรณวสาเดินออกจากบริเวณชายคา เขาใช้แจ็กเก็ตหนังสีน้ำตาลอ่อนที่สวมอยู่ โน้มศรีษะของเธอเข้ามาเพื่อกันเม็ดฝน แล้วโอบพาร่างบางวิ่งไปที่รถ เขากึ่งผลักกึ่งโยนพรรณวสาให้นั่งเบาะข้างๆแล้วตนก็เดินอ้อมกลับเข้ามานั่งที่คนขับ
การกระทำเหมือนผู้ใหญ่บังคับเด็กที่พรรณวสาบอกว่าตนนั้นไม่ชอบ…แต่ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้ผลทุกครั้ง
ราวกับว่าเธอหลงใหลมันในเวลาเดียวกัน
“ลักพาตัวเด็ก !” พรรณวสาหันมาโวยวายกลบเกลื่อนความเขิน เพียงเท่านี้ดูจุนก็ดูออกแล้วว่าเธอเริ่มหายงอน
“พี่หอมมั้ย ?”
“อะไรนะ”
“ถามว่าหอมมั้ย” เขาถอดแว่นดำออกแล้วอมยิ้มในขณะที่มองทางตรงหน้า ในใจนึกอยากจะหันหน้ามามองหน้าเจ้าเด็กกะโปโลตอนเขินว่ามันจะน่ารักขนาดไหน แต่ก็ต้องขับรถไงติ๋ม-___-
“เหม็น เหม็นน้ำหอม” ตอบไปอย่างนั้นแต่ก็อดเขินไม่ได้ ดูจุนหัวเราะในลำคอแล้วทำท่าจะหันมามองแต่แล้วก็หันกลับไปมองทางข้างหน้า ทำอยู่อย่างนี้ประมาณสามรอบ
“เป็นอะไร” พรรณวสาถามและพยายามกลั้นยิ้ม “อยากเห็นหน้าเด็กกะโปโลเขิน” เขาตอบตามตรง ทำเอาพรรณวสาก้มหน้างุด “ไม่ต้องหันมานะ..”
“ทำไม ฟอร์มเยอะนักเหรอ”
“ขับรถไปเหอะลุง”
“ไม่เป็นไร คืนนี้ก็ได้เห็นละ..”
“เดี๋ยวโบกเลย”
“เอ๊ะ หรือว่าจะไม่ได้เห็น เพราะอาจจะต้องปิดไฟ..”
“พูดมาก-//-“
“ปิดปากพี่สิ”
ไม่พูดเปล่าแต่มีหันมายักคิ้ว เรียกรอยยิ้มตาหยีจากพรรณวสาพร้อมด้วยทุบเบาๆหนึ่งหมัด
ตลอดทาง พวกเขาไม่ได้คุยถึงเรื่องวันเกิดกันเลย มีแต่เรื่องเหตุการณ์ที่พบเจอกันมาแล้วก็เอามาเล่ามาแชร์กันเฮฮา มีเถียงกันบ้างเวลาที่ดูจุนเล่นจนขับรถเฉี่ยวชาวบ้าน หรือไม่ก็ทำให้เธอหัวเราะด้วยการทำน่ารักซึ่งมันดูไม่เข้าเลย
เพราะอย่างนี้จึงทำให้พรรณวสาคบกับดูจุนแล้วสบายใจ เพราะเขาเป็นคนที่คุยสนุก คุยได้ทุกเรื่อง แม้บางครั้งจะพูดจาห้วนๆกวนประสาทมากก็ตาม
ขาลุยอย่างพรรณวสาอาจจะไม่ต้องการร่มก็จริง แต่เป็นผู้หญิงก็ยังต้องการความอบอุ่นจากคนรัก อ้อมแขนของเขาและแจ็กเก็ตหอมๆเมื่อครู่..ทำเอาพรรณวสาอยากเดินฝ่าฝนไปกับดูจุนไปนานๆเลย-//-
คอนโดของดูจุนเป็นที่ๆพรรณวสาเคยมาเพียงสองครั้งนับตั้งแต่คบกันมา ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม เธออยากรู้ว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ขณะที่เดินคล้องแขนไปด้วยกันตามทางเดิน พรรณวสาหัวใจเต้นแรงกว่าทุกครั้ง อาจเป็นเพราะเธอลุ้นว่าจะมีอะไรพิเศษๆในคืนเข้าวันเกิดไหมนะ
ขณะที่ดูจุนสแกนลายนิ้วมือหน้าห้องเสร็จแล้วก็กดตั้งโปรแกรมอะไรอีกนิดหน่อย พลางคว้ามือของพรรณวสามาสแกนบ้าง
“ทำอะไรน่ะ” เธอถามงงๆ เขากดติ๊ดๆอย่างรวดเร็ว “เซฟลายนิ้วมือของเธอไง”
ชายหนุ่มเปลี่ยนมาเป็นสอดประสานเข้ากับมือของเธอแล้วหันมาบอก “คราวนี้ก็เข้าได้แค่เราสองคน”
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป พรรณวสารับรู้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกกุหลาบ และแล้วภาพตรงหน้าก็คือ..
ดอกกุหลาบเป็นร้อยๆดอกตกแต่งอยู่บริเวณมุมเล็กๆของห้อง แม้แต่เปียโนที่ตั้งอยู่ก็ยังมีดอกกุหลาบสีชมพูประดับ กลิ่นหอมธรรมชาติของดอกไม้ผสมกับกลิ่นเทียนหอมยิ่งทำให้บรรยากาศแสนละมุนและโรแมนติก แสงสลัวจากเทียนและดวงจันทร์ด้านนอกผ่านม่านบางๆส่องเข้ามายังคนทั้งสอง..
ดูจุนแอบเขินที่ตัวเองทำอะไรโรแมนติกแบบนี้แต่ก็เดินไปนั่งที่เปียโนตามที่คิดเอาไว้
เขาเริ่มต้นบรรเลงเพลง Happy Birthday ให้กับคนรัก
“เซงอิล ชุกฮาฮัมนีดา เซงอิล ชุกฮาฮัมนีดา
ซารางฮานึน พรรณวสา เซงอิลชุกฮาฮัมนีดา…”
เสียงนุ่มทุ้มบวกกับรอยยิ้มน่ารักของตาลุงแก่แก่ทำเอาพรรณวสายิ้มกว้างและน้ำตารื้น เธอเดินเข้าไปก้มกอดเขาจากด้านหลังด้วยความรัก ยังไม่ทันที่เธอจะได้กล่าวขอบคุณอะไรเขา ดูจุนจอมเจ้าเล่ห์ก็ชิงหอมแก้มแฟนเสียฟอดใหญ่
“สุขสันต์วันเกิดนะ ที่รัก..” เขากระซิบเสียงแผ่วเบาขณะที่สบตากับเธอ พรรณวสาได้แต่ยิ้มอย่างประทับใจ ไม่รู้จะพูดอะไร
“รู้สึกแปลกๆมากเลย..” เธอบอกเขินๆ “ยังไง?” เขาถามพลางลุกขึ้นแล้วจูงมือเธอไปนั่งด้วยกันที่โซฟา
“ก็…ปกติพี่กวนตีนฉันไปวันๆ ไม่นึกว่าจะทำอะไรแบบนี้ให้-3-“
“อืม จริงๆแล้ว…”
ดูจุนเหมือนมีอะไรบางอย่างในใจอยากจะพูด แต่แล้วเขากลับเก็บมันเอาไว้เพราะความไม่กล้าในส่วนลึก “..ไม่มีอะไรหรอก”
“หึ๊ อะไร จะพูดอะไร ?”
“เปล่า”
“พูดมา”
“ไม่มีอะไร”
ดูจุนขี้เกียจตอบเลี่ยงให้มากความก็เลยจัดการปิดปากเธอด้วยปากเขาซะเลย พรรณวสาไม่ทันตั้งตัวแต่วินาทีต่อมาเธอก็ตอบสนองเขาอย่างเคย ทั้งคู่จูบกันเนิ่นนานขณะที่หัวใจก็เต้นแรงดังเช่นทุกครั้ง
รู้สึกตัวเบาเบาเวลาที่ริมฝีปากสัมผัสกัน… รู้สึกเหมือนว่าทุกครั้งคือครั้งแรกเสมอ
กระทั่งดูจุนเป็นฝ่ายถอนจูบ พรรณวสาลืมตาขึ้นแล้วก็งงๆว่า…นี่ฉันมานั่งอยู่บนตักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน-//-
พรรณวสาลูบจอนเขาอย่างหลงใหล แล้วก็ดึงๆมันด้วยความหมั่นเขี้ยว
“เด็กซน” เขาว่าพลางล็อคข้อมือทั้งสองข้างที่กำลังเล่นหัวเขาอยู่
“งื้อออ ปล่อย!”
“ไม่เอา ไม่ให้เด็กเล่นหัว”
“จะเล่น!”
“เล่นอย่างอื่นดีกว่า”
ไม่พูดเปล่าแต่ดึงมือของเธอเลื่อนลงต่ำอย่างทะเล้น พรรณวสาชักมือออกทันทีแล้วตีเขาอย่างแรง “อย่ามาแกล้งหนูนะ!” สรรพนามแปลกๆและสำเนียงแปร่งๆเริ่มจะหลุดออกมาจากปากของคนที่กำลังเขินมาก สติสตังของพรรณวสาเริ่มจะกระเจิดกระเจิงเพราะมัวแต่เถียงกับตัวเองอยู่ในใจว่า เมื่อกี้มือโดนหรือเปล่านะ-//- คงไม่โดนหรอกมั้ง มันอาจจะไม่ใช่…
“ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ไม่เล่นละๆ” เขาหัวเราะเบาๆแล้วขโมยหอมแก้มเธออีกที ดูจุนโอบร่างบางเอาไว้หลวมๆ พรรณวสาทำหน้ามุ่ยแต่จริงๆแล้วเขินแทบตาย “..จะเอาจริงละ”
ประโยคหลังของดูจุนมันช่างน่ากลัวเหลือเกิน ราวกับอสูรจอมเจ้าเล่ห์ เขาถือวิสาะสอดมือเข้าไปใต้เสื้อตัวบาง.. พรรณวสาบิดตัวขัดขืนแทบจะทันที “ไม่เอา..”
ปฏิเสธแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า มาคอนโดตาลุงแก่แต่ละครั้งก็เสร็จมันทุกครั้ง-_____-
“นะ…” เขาเริ่มกระบวนการอ้อนแฟนอย่างที่ถนัด แต่ไม่ได้ทำบ่อยนักหรอกนะ
ดวงตามีสเน่ห์ช้อนขึ้นมองคนรักอย่างอ้อนๆ เพราะดูจุนจะน่ารักแบบนี้นานๆทีนี่แหละ พรรณวสาถึงได้หวั่นไหวมากๆและต้องยอมทุกครั้งไป
“พี่ดูจุน…” เธอเรียกเขาเป็นเชิงห้ามแต่มันยิ่งกลับทำให้ดูจุนชอบใจ
“ครับ..” เขาขานรับหวานๆแล้วจูบหนักๆที่ซอกคอเนียนนุ่ม ไม่เปิดโอกาสให้เธอปฏิเสธอีกต่อไป แขนทั้งสองกระชับกอดร่างบางแนบแน่น พรรณวสาเองก็กอดตอบเขาโดยอัตโนมัติ
“อื้อ… หนูยังเด็กอยู่นะ”
‘ไอ้แกรนด์บ้า ! ไอ้บ้า ! ปากขัดขืนแต่ทำไมร่างกายถึงตอบสนองเขาล่ะ T_____T ไม่น้าาาาา มันจะเจ็บนะT^T’ ติ๋มนึกในใจแล้วอยากเขกหัวตัวเองสักล้านครั้ง
“เด็กที่ไหน พรรณวสาไม่เด็กแล้ว”
ดูจุนเลิกเสื้อของพรรณวสาขึ้นสูงเพื่อเป็นการยืนยัน ‘ความไม่เด็ก’ ที่เขาว่า ทำเอาใบหน้าสวยคมขึ้นสีแดงด้วยความเขินอายอย่างถึงที่สุด
แต่แล้ว จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของดูจุนก็ดังขึ้น…
ร่างสูงถอนหายใจแรงๆพลางลุกขึ้นมารับโทรศัพท์ด้วยความเซ็งสุดขีด พรรณวสาเช็คเสื้อผ้าของตัวเองแล้วก็แตะๆที่ใบหน้าของตน… ทำไมมันร้อนผ่าวขนาดนี้
“มีอะไรวะ” ดูจุนแทบจะตะคอกใส่ปลายสาย
“ท่านลีดเดอร์ ท่อนร้องของท่านสำหรับเพลงที่จะใช้ในมินิคอนพรุ่งนี้ กำลังมีปัญหา” ดงอุนบอกด้วยน้ำเสียงโทนเดียว
“แล้วต้องอัดใหม่เมื่อไหร่”
“ตอนนี้”
ดูจุนอ้าปากกำลังจะสบถ แต่เพราะความเป็นลีดเดอร์ที่มันค้ำคออยู่ มีหน้าที่การงานที่หัวหน้าวงอย่างเขาจะต้องรับผิดชอบ… ทำให้ดูจุนไม่อาจบ่นอะไรออกไปได้เลย
ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะถามว่า สำคัญมากมั้ย เพราะในฐานะคนที่คอยดูแลรับผิดชอบคนอื่น ทุกอย่างที่เป็นส่วนรวมก็สำคัญหมด
“โอเค ของคนอื่นล่ะมีปัญหาหรือเปล่า”
“นิดหน่อย กีกวังฮยองมาถึงที่นี่เกือบชั่วโมงแล้ว เลยอัดใหม่ไปแล้วนิดหนึ่ง”
“งั้นไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
เขาหันกลับมาพูดเร็วๆกับพรรณวสา “ทำงานก่อนนะที่รัก ไม่ต้องกลับบ้านเองนะมืดแล้ว นอนที่นี่แหละ พี่อาจจะกลับเช้าๆ” พลางจุ๊บที่ขมับของคนรักหนึ่งทีแล้วคว้ากุญแจรถเดินฉิวออกไปเลย ทิ้งให้ร่างบางนั่งบนโซฟาอย่างงงๆ…
งาน…งั้นเหรอ
จู่ๆน้ำตาก็รื้นขึ้นมาอีกรอบ พรรณวสาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ รู้แค่ว่ามันโหวงๆโล่งๆ เหมือนดอกไม้ที่ถูกผีเสื้อฉกชิงน้ำหวานไป มันแห้งเหี่ยวและไม่รู้ต้องรอถึงเมื่อไหร่ที่ผีเสื้อจะบินกลับมา
ยิ่งมองไปที่ดอกกุหลาบกับเปียโนก็ยิ่งเหงา.. เขาจะอยู่กับเธอแค่คืนเดียวไม่ได้เลยเหรอ ?
แต่มันก็คงจริงอย่างที่ทุกคนรู้กันว่าแฟนคลับสำคัญมากๆในชีวิตของศิลปิน ดูจุนต้องทำงานหนักก็เพื่อให้บิวตี้ได้มีรอยยิ้ม พรรณวสานึกแล้วก็อยากย้อนเวลาไปเมื่อประมาณสองปีก่อน… ชีวิตของบิวตี้ไทยคนหนึ่งยังคงสงบสุข และมีความสุขกับการได้เห็นรอยยิ้มของดูจุนโดยไมต้องมีอะไรตอบแทน แต่มาวันนี้…เธอกลายมาเป็นแฟนของเขา แต่กลับรู้สึกว่าความสุขมันค่อยๆลดน้อยลงเรื่อยๆ
พรรณวสารู้ตัวว่าเธอกำลังคาดหวังสิ่งต่างๆจากเขามากเกินไป แต่มันก็เป็นสิ่งที่ ‘คนรัก’ ควรจะได้รับไม่ใช่เหรอ ?
เดี๋ยวพอดูจุนกลับมาตอนเช้าก็คงทำได้แค่ไปส่งเธอ หรือยิ่งไปกว่านั้นอาจจะไม่มีเวลาไปส่งเลยก็ได้ เพราะเขาต้องเตรียมมินิคอนเสิร์ตในวันพรุ่งนี้ต่อ พรรณวสาคิดแล้วก็ทั้งเซ็งและรู้สึกแย่ เลยเดินกลับบ้านเองซะเลย
นี่ก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว… อยู่คนเดียวในวันเกิดอีกสักปีก็คงไม่เป็นไร
พรรณวสากลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยไม่อยากทำอะไร แต่พอกำลังจะก้าวขึ้นบันได แม่ก็เดินออกมาจากห้องครัว “แกรนด์ ทำไมเพิ่งกลับบ้าน”
ร่างบางจำใจต้องเดินออกมานั่งคุยกับแม่ พวกเขาคุยกันเป็นภาษาไทย
“ฝนมันตก รถติด”
“ติดอะไรถึงเวลานี้ ไปกับดูจุนอะไรนั่นอีกแล้วใช่มั้ย”
“…”
“รู้แบบนี้ไม่น่าย้ายมาทำงานที่เกาหลีเลย ถ้าคิดว่าตัวเองโตแล้วก็น่าจะคิดเองได้ว่าควรกลับบ้านกี่โมง”
“ก็บอกแล้วว่ารถติด”
“แม่ก็บอกแล้วว่าแม่ไม่อยากให้คบกับดูจุน!”
“ดูจุนงานยุ่ง คบก็เหมือนไม่ได้คบนั่นแหละ แม่สบายใจเหอะ!”
แม่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย “แล้วดูซิ ไม่ยอมมาส่งลูกแม่ ปล่อยให้กลับมาเองได้ยังไงกัน แล้วนี่นั่งรถอะไรกลับมา”
“เดิน”
พรรณวสาสังเกตได้ว่าแม่แอบมองสำรวจรอยที่คอของเธอ แต่ก็ยังทำเฉย
“เลิกคบไปเลยนะผู้ชายคนนี้ คบกันแล้วไม่เทคแคร์เราไม่รู้ว่าหวังอะไรจากเรากันแน่ ผู้ชายแบบนี้คบไปก็เปลืองตัวเปล่าๆ คิดให้ดีนะแกรนด์”
แม่บอกเสียงเข้ม พรรณวสาไปต่อไม่ถูก จะว่าที่แม่พูดมันจริงหรือไม่…ตอนนี้เธอเองก็เริ่มจะไม่แน่ใจเสียแล้ว
“คบผู้ชายแบบนี้เป็นทอมยังจะดีกว่า” บ่นพลางเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้พรรณวสาฟุบลงกับโต๊ะด้วยความเหนื่อยล้าหัวใจ
พรรณวสาค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อแสงแดดอ่อนๆยามเช้าส่องมาที่หน้าต่างห้องนอน เธอนึกอยากให้ชีวิตของเธอในวันนี้สดใสเหมือนกับแสงแดดจริงๆ
สิ่งแรกที่พรรณวสาทำคือเช็คโทรศัพท์ แต่ก็พบเพียงเมสเสจแฮปปี้เบิร์ธเดย์จากเพื่อนๆ…
ของมินซอกมาเป็นคนแรก เที่ยงคืนหนึ่งนาทีเป๊ะ
พรรณวสาแอบสงสัยว่าแล้วเอ็กโซไม่มีงานทำกันหรอไงนะ มินซอกถึงได้มีเวลาทั้งรับส่งแล้วก็เมสเสจมาหาเธอแบบนี้ ช่างต่างกับบีสท์ลิบลับ-..-
ไม่กี่นาทีต่อมา สายเรียกเข้าก็ขึ้นชื่อฮิมชาน รุ่นพี่คนสนิทของเธอ
“ฮัลโหล”
“พรรณวสา…ไปกินข้าวกัน”
ฮิมชานชวนเสียงเรียบ เขามักจะวางมาดนิ่งเสมอ ถึงแม้จะโทรมาแฮปปี้เบิร์ธเดย์เพื่อนทั้งที
“เลี้ยงหน่อยสิT^T”
“ได้เลย…เป็นของขวัญวันเกิด”
“เห้อ แต่ว่า…”
จะบอกว่าไม่มีอารมณ์จะออกไปไหนทั้งนั้นเธอก็เกรงใจเขาอีก ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ออกไปกินข้าวกับฮิมชานก็คงสบายใจขึ้น บีเอพีก็ไม่มีงานทำเหมือนกันสินะ-..-
“โอเค… อีกประมาณครึ่งชั่วโมงมารับที่บ้านหน่อยนะ”
“โอเคครับ”
แล้วเขาก็วางสายไป ที่พรรณวสาไว้ใจฮิมชานมากๆก็เพราะรู้อยู่ว่ายังไงฮิมชานก็ไม่เปลี่ยนใจจากพี่บังอยู่แล้ว แถมพี่บังหมู่นี้โหด จะปล่อยฮิมชานไปกับสาวที่ไหนก็ต้องคนที่คนสแกนแล้วเท่านั้น ซึ่งพรรณวสาก็เป็นหนึ่งในนั้น การออกไปไหนมาไหนกับฮิมชานจึงเป็นสิ่งที่ทำให้พรรณวสารู้สึกสบายใจ
พรรณวสาแวะเข้าทวิตเตอร์สักนิด แต่แล้ว ข่าวที่กำลังแพร่กระจายอยู่เต็มทามไลน์ก็ทำให้เธอต้องช็อค
‘แฟนเกาหลีแห่ประท้วง ดูจุนซุกสาว ค่ายพากันปิดข่าวแต่ไม่มิด จะมีผลกระทบต่อการคัมแบ็คครั้งนี้หรือไม่ ?'
นี่คือหัวข้อข่าวที่สื่อไทยเขียน ซึ่งเธอคิดว่ามันแรงพอได้เลย เธอรีบกดเข้าไปดูภาพบรรยากาศ มันอาจจะมีบิวตี้…หรือแค่ดูจุนแฟน จำนวนน้อย แต่ข่าวที่ออกมามันทำให้บีสท์ดูเสียหายมาก เธอไม่อยากให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้เลย โทรหาดูจุน เขาก็ปิดเครื่อง โทรหาคนอื่นในวงก็ไม่มีใครรับโทรศัพท์
พรรณวสารู้สึกว่าเรื่องต่างๆตอนนี้มันรุมเร้าเธอเหลือเกิน เธอรู้สึกผิดต่อตนเองที่ทำให้ดูจุนต้องมีข่าวแบบนี้ เธอไม่รู้ควรทำยังไงต่อไป พรรณวสาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา… พิมเมสเสจหาดูจุนทีละคำอย่างช้าๆและเต็มไปด้วยความลังเล…
มาดามนั้นสังเกตได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นพรรณวสาว่าเธอดูไม่สดใสแปลกๆเหมือนเหนื่อยๆเหม่อๆ แต่เขาก็ยังไม่พูดอะไรจนกระทั่งพรรณวสาเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง
“วันนี้มีมินิคอนเสิร์ตบีสท์”
“อืม…ไม่ไปเหรอ”
พรรณวสาส่ายหน้าพลางเล่นหลอดในแก้วน้ำของตน “หึ ไม่ไปจะดีกว่า”
“บ้า…คอนเสิร์ตสำคัญนะ เราไม่ไปอยู่ตรงจุดนั้นไม่รู้หรอก ว่าการที่คนสำคัญไม่มาให้กำลังใจ มันจะรู้สึกแย่ขนาดไหน”
“แล้วนายรู้ได้ไงอะ ปกตินายก็ขึ้นคอนพร้อมพี่บังตลอดแล้วนี่- -“
“ฉันเป็นศิลปินฉันเข้าใจสิ ทำไมไม่ไปละโกรธกันเหรอ ? เราโกรธเรื่องร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ ?”
พรรณวสาเงียบไม่ครู่หนึ่ง มันก็แค่…บอกไม่ถูก
“พูดไม่ถูกอะ มัน…ไม่ใช่แค่โกรธเรื่องนี้หรือเรื่องไหน แต่เราแค่น้อยใจแบบสะสมอะ มันนานแล้วที่ดูจุนไม่มีเวลาให้เราเลย ไม่มีแม้แต่เวลาจะโทรมาเป็นห่วงหรืออะไร หรือเขาเลิกห่วงเราแล้วก็ไม่รู้ ไหนจะกระแสแอนตี้เราที่มีมาเรื่อยๆ ที่เกาหลีอาจจะแอนตี้กันเงียบๆมีไม่เยอะ แต่ที่ไทยมันชอบนำเสนอข่าวเสียหาย เมื่อเช้าก็เป็นข่าวใหญ่อีกแล้ว แล้วทุกคนก็เกลียดเรา เราเหนื่อยแต่พอเหนื่อยแล้วเขาก็ไม่ค่อยดูแล ไมค่อยให้กำลังใจเราเหมือนตอนคบกันแรกๆ วันนี้ยังไม่โทรมาหาเลย”
“หมดยัง ?”
“แล้วเราว่าเราเป็นตัวถ่วงในหน้าที่การงานและอนาคตของเขา บางครั้งเราก็รู้สึกว่าเขาอยู่ได้เพราะบิวตี้ ไม่ใช่เรา”
“เอาง่ายๆเลย คบกับเขาแล้วยังมีความสุขอยู่มั้ย ?”
ความสุข…งั้นเหรอ
ความสุขแค่ไม่ถึงห้านาที กับความทุกข์อีกทั้งวัน ทุกเวลา มันเรียกว่าความสุขได้มั้ยล่ะ ?
“ไม่อะ เรารู้สึกแย่”
“ถ้าไม่ ก็เลิก จบ”
ฮิมชานบอกอย่างเด็ดขาด พรรณวสาเงียบ
“แต่ถ้าคิดว่ายังรัก ยังมีความสุขแม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก็ต้องทนเพื่อเขานะ”
พรรณวสาพูดเสียงเบา “พิมพ์เมสเสจบอกเลิกไว้แล้วล่ะ แต่ไม่กล้าส่ง…”
“ถึงขั้นพิมพ์แล้วก็ส่งไปเลย ขอดูหน่อยสิ”
พรรณวสาเอาโทรศัพท์ให้เขาดู ฮิมชานไล่สายตาอ่านเพียงแว้บเดียวเท่านั้น
‘พี่ดูจุน เราห่างกันเพื่อให้พี่ได้ไปทำงานก่อนเถอะ อย่าฝืนต่อสู้กระแสต่างๆเลย อยากให้พี่ทำอนาคตของตัวเองให้ดีนะ’
ฮิมชานเนียนๆแล้วส่งคืน แต่แล้วพรรณวสาก็โวยวายลั่น “ฮิมชาน! กดส่งทำไม!!”
“เอ้า คนเราต้องไม่ลังเลไงติ๋ม!”
“ไม่เอา…เราบอกเลิกดูจุนแล้วเขาจะอยู่ยังไงT^T”
“เขาอาจจะอยู่ได้ก็ได้” ฮิมชานเบรคเอี๊ยด ทำเอาพรรณวสาคิดตาม “เออเนอะ… เขาอาจจะอยู่ได้”
“ก็ถ้าเขาไม่ง้อเรา แปลว่าเขาอยู่ได้”
พรรณวสาถอนหายใจยาวแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป ตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยเป็นฝ่ายบอกเลิกเขาเลย มีแต่ดูจุนที่ชอบโกรธเวลาเธอไปกับผู้ชายอื่นบ่อยๆแล้วเขาก็จะไล่ให้เธอไปไหนก็ไป แล้วสุดท้ายก็กลับมาดีกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พรรณวสาอึดอัดก็ได้ เพราะทุกครั้งที่ทะเลาะกันพวกเขาดีกันแบบไม่รู้ตัว เลยไม่เคยปรับความเข้าใจกันเลย ไม่เคยรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการแบบไหน
“ไม่ต้องร้องเลย ตัวเองพิมพ์เองนะ ฉันแค่กดส่ง”
“ไม่ได้ร้อง…”
พรรณวสาก็แค่คิดว่า.. เธอควรจะไปมินิคอนเสิร์ตบีสท์ดีไหม ? แต่คิดๆดูอีกที ปกติมีคอนอะไรดูจุนจะต้องเอาบัตรวีไอพีมาให้เธอ แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ให้ ไม่รู้ว่าลืมหรือไม่ได้ใส่ใจ พรรณวสาน้อยใจจริงๆ
“ไปหน้างานดีไหม?”
“อะไรกัน นี่ไม่ใช่บิวตี้ตัวน้อยๆเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะถึงจะไปติ่งหน้างาน ถ้าจะไปก็เข้าคอนแล้วหาหลังเวทีเลย แต่ถ้าไม่ไปก็ไม่ต้องไป ตัดก็ตัดให้ขาด”
“ฮิมชานนนนนน”
ต่อมเด็กของพรรณวสาเริ่มจะแตก เธอเริ่มจะคร่ำครวญ ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิต แม้ฮิมชานจะห้ามแต่พรรณวสาก็แอบนึกในใจไว้แล้วล่ะ… ไปหน้างานสักหน่อยก็แล้วกัน คงไม่มีใครจำเราได้หรอกมั้ง ?
ไม่นานหลังจากไล่รุ่นพี่ฮิมชานกลับบ้าน พรรณวสาก็เดินมาถึงบริเวณที่จัดมินิคอนเสิร์ต สังเกตได้ว่ามีบางคนมองแล้วก็ชี้มา แต่พรรณวสาก็ยังทำใจดีสู้เสือ เดินเข้าไปดูของออฟฟิเชียลที่ขายๆกันอยู่ คิดถึงความรู้สึกเมื่อประมาณสองปีก่อนเหลือเกิน…
ที่คนน้อยลงก็อาจเป็นเพราะคอนเริ่มได้สักพักแล้ว แต่พรรณวสาก็ยังเดินเหม่ออยู่แถวๆนั้นอย่างเลื่อนลอย
แต่แล้วก็มีมือหนึ่งมาแปะป้าบ!บนไหล่ของเธอ พรรณวสาสะดุ้งตกใจด้วยความหวาดระแวง “พี่เงย!”
“เห้ย น้องแงนด์ ยังไม่เข้าคอนอีกเหรอ”
พรรณวสามองเลยไปยังพี่คริสที่ยืนเก๊กอยู่ด้านหลัง แหมปลอมตัวมาซะไม่เนียนเชียว
“ไม่มีบัตร..” พรรณวสาบอกเสียงค่อย ตรงข้ามกับนะเอยที่ร่าเริง “อ้าว เนี่ยพี่เหลือวีไอพีใบนึงพอดี พี่คริสเขาได้มา เอามั้ยล่ะ นั่งข้างกัน”
พรรณวสาชั่งใจ คิดว่าฟ้าช่างกลั่นแกล้งให้บังเอย เย้ย! บังเอิญอะไรอย่างนี้ จะไม่เข้าคอน ก็ยังมีบัตรฟรียื่นมาให้ถึงที่
“เอาไปเถอะ พี่ไม่อยากให้คนอื่น” ว่าพลางหันไปงุ้งงิ้งงึมงำอะไรในกระเป๋าพี่คริสไม่รู้แล้วสักพักก็ควักบัตรวีไอพียับๆออกมา
‘พี่เอยนี่หน่วงและยุ่งจริงๆ-*-‘ พรรณวสานึกในใจ
“ไปๆเข้าคอนกันเลย พี่จะไปดูโจ๊ก><”
พลั่ก ! พี่คริสแอบได้ยินก็เลยตบหัวนะเอยไปทีหนึ่ง เขาเรียกฝ่ามือสกัดความแจ๋ ส่วนพรรณวสาก็ยังเป็นโรคจุนซึงไม่เลิก “พี่เงย โจ๊กของฮยอนซึงนะ!!”
ไม่กี่นาทีต่อมา พรรณวสาก็ถูกนะเอยลากมายังที่นั่งวีไอพี สมองของเธอตื้อไปหมดขณะที่บีสท์กำลังร้องเพลง Will you be alright ? อยู่พอดี
พรรณวสารู้ว่ายังไงดูจุนก็ไม่เห็นเธอ แต่นั่งอยูตรงนี้…เธอเห็นดูจุนชัดเจน เธอมองเห็นใบหน้าของผู้ชายที่เธอหลงรักมานานแสนนาน ผู้ชายคนที่เธอยังคงคิดว่าการได้รับความรักจากเขามันคือฝันไป
คนๆนั้นกำลังแสดงอารมณ์ที่เศร้าหมอง ไม่รู้ว่าเพราะเพลง หรือเพราะเขาเห็นเมสเสจของเธอแล้ว
พรรณวสาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอคือคนที่ทำให้เขาเศร้าขนาดนี้จริงๆเหรอ ? ดูจุนเนี่ยนะ จะมาแคร์แฟนที่เป็นเด็ก งี่เง่า ไม่มีอะไรดีอย่างเธอ ?
พรรณวสาอาจจะเป็นแค่คนๆหนึ่งที่ผ่านมาในชีวิตของดูจุนแล้วผ่านไปอย่างไม่มีอะไรน่าจดจำก็ได้ เพราะตอนนี้ คนที่สำคัญต่อดูจุนอีกเป็นพันชีวิตก็กำลังนั่งอยู่ที่นี่เหมือนกัน
แต่พอดูจุนร้องเพลงขึ้นมาท่อนแรก เนื้อเพลงก็ทำให้พรรณวสาเจ็บปวดข้างในใจราวกับมีอะไรมาพุ่งชน
‘ เธอคิดดีแล้วเหรอกับคำที่พูดออกมา ? รู้ใช่มั้ยว่ามันไม่สามารถย้อนคืนมาได้ ?
ใบหน้าที่ดูเศร้าเสียใจของเธอ ฉันไม่ชอบมันเลย นี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย เพราะฉะนั้น…ยิ้มหน่อยสิ
เธอที่ไม่มีฉัน มันเลวร้ายยิ่งกว่า ฉันที่ไม่มีเธอ
เธอทำอะไรตามลำพังไม่ได้เลย… ฉันห่วงเธอเหลือเกิน
ไม่เป็นไรจริงๆเหรอ ? หากฉันไม่ได้อยู่ข้างๆเธอตรงนี้… เธอคงอ้างว้างบ่อยๆเมื่ออยู่ลำพัง
ไม่เป็นไรจริงๆใช่มั้ย ? หากไม่มีคนคอยเถียงและทำให้เธอหัวเราะอีกแล้ว…
หากไม่มีคนนั้นอีกต่อไป…
คิดทบทวน คิดดูอีกสักครั้งสิ หากไม่มีฉัน เธอไม่เป็นไรจริงๆเหรอ ?
ถ้าฉันจากไป เธอก็ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะฉันรู้ว่าเธอน่ะ เหมือนเด็ก
เธอจะจากไปไหน ? ทำไมต้องไปด้วย ? สุดท้ายก็จบด้วยการเสียน้ำตา ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว จะปล่อยเธอไปได้ยังไง…’
พรรณวสาไม่สามารถทนเนื้อเพลงนี้ได้อีกต่อไป เธอไม่อยากจะนั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ จึงเดินออกไปเลยโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น
พรรณวสาสับสนเหลือเกิน ใช่…เธออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา แต่เขาล่ะ ? เขาจะต้องมาทนกับเด็กที่ทำอะไรเองไม่ได้อย่างเธอไปอีกนานเท่าไหร่ ?
พรรณวสาเดินกลับบ้านด้วยจิตใจที่มีแต่ความทุกข์ โดยที่ไม่รู้เลยว่า หลังจากที่เพลงนี้จบ ดูจุนคือคนที่ขอมายืนอยู่ตรงกลางเพื่อพูดบางอย่าง
“ผมรู้ว่าพวกคุณอาจกำลังเสียใจ…” ดูจุนบอกใส่ไมค์ขณะที่เพื่อนร่วมวงก็ต่างมองหน้ากัน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขากำลังพูดกับกลุ่มบิวตี้ที่มาประท้วงหน้าบริษัทเมื่อเช้า…เรื่องพรรณวสา “แล้วคืนนี้ เธอคนนั้นก็คงไม่ได้มาดูผม แต่ในเมื่อเธอคือคนสำคัญของผม ผมจึงอยากบอกกับทุกคนว่า..”
นะเอยกับพี่คริสหันไปก็ไม่พบพรรณวสาแล้ว หลายๆคนในที่นี้ก็ยังไม่รู้ว่าความจริงแล้วเกิดอะไรขึ้น
“…อย่าเกลียดเธอเลยนะครับ”
เพียงเท่านั้นดูจุนก็คิดว่าเขาไม่ควรจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ บีสท์ทั้งหมดกลับเข้าหลังเวทีและเตรียมแสดงเพลงต่อไปที่มันส์และร่าเริงสดใส
ด้วยสปิริตของหัวหน้าวง ดูจุนทำได้ดีตลอดการแสดง จนทุกคนแทบจะลืมไปว่าเขากำลังเศร้าอย่างถึงที่สุด หัวใจทั้งดวงพะวงอยู่แต่เรื่องของผู้หญิงที่เพิ่งบอกเลิกเขาเมื่อตอนกลางวัน ตอนนั้นที่เขาเพิ่งได้ชาร์จแบตโทรศัพท์และกำลังจะโทรหา...แต่ก็เจอเมสเสจของเธอซะก่อน
เหมือนโลกทั้งใบของเขาพังทลายลงแล้ว แต่เขาทิ้งงานไม่ได้เด็ดขาด
เพราะหน้าที่การงานไม่ใช่แค่อนาคตของเขา แต่มันคืออนาคตของเขา..กับเธอ
ถ้าดูจุนไม่ทำงาน แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปสร้างครอบครัวกับพรรณวสาล่ะ ?
ค่ำคืนนี้ฝนตกหนักเช่นเคย พรรณวสานอนอยู่บนห้องอย่างเหม่อลอย ไม่รู้เลยว่าเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่หน้าบ้านของตน
“กลับไป! ใครเขามาบ้านผู้หญิงกันเวลานี้!”
แม่ของพรรณวสาตะโกนบอกดูจุนแข่งกับเสียงฝน แต่เขาก็ยังยืนยันคำเดิม
“ขอร้องแหละครับ ผมต้องคุยกับเธอ!”
“กลับไป!”
แม่ไม่ฟังอะไรอีกแล้วเดินเข้าบ้านไป ทิ้งให้ดูจุนยืนอยู่หน้ารั้วบ้านด้วยจิตใจที่ร้อนรน เขาวิ่งจากจบคอนเสิร์ตมาตัวเปล่า… ไม่มีแม้แต่รถสักคัน เพราะมีเพื่อนยืมไปและเขารีบเกินกว่าจะรอเวลา
พรรณวสาจะรู้บ้างไหมว่าเธอสำคัญกับเขามากแค่ไหน…
ไม่กี่นาทีต่อมา เสียงกุกกักๆที่หน้าต่างก็ดังซะจนพรรณวสาสะดุ้งตกใจคิดว่าคนร้าย
แต่พอเป็นดูจุน เธอกลับตกใจยิ่งกว่าเดิม
“พี่ดูจุน!”
เธอรีบเปิดหน้าต่างและวิ่งไปหาผ้าเช็ดตัวมาให้เขา ดูจุนอยากจะก้าวเข้าไปกอดพรรณวสา…แต่ก็กลัวว่าตัวเธอจะเปียก
“ทำไมถึงมาแบบนี้ คิดบ้างหรือเปล่า!” เธอตะคอกขณะที่ยืนเผชิญหน้ากับเขาภายในความมืดและแสงฟ้าแลบ คิดว่าจะต้องเปิดฉากทะเลาะกันอีกแล้วแน่ๆ
แต่ผิดคาดเมื่อดูจุนกลับพูดเบาๆเสียงสั่น.. “แล้วทำไมต้องส่งเมสเสจมาแบบนั้น คิดบ้างหรือเปล่า..”
“…”
“ห่างอะไร ? ทำไมต้องไล่พี่ไปทำงาน ? ทำไมถึงพูดแบบนั้น…” เขาคว้ามือเธอมาบีบเบาๆ พรรณวสาไม่เคยเห็นดูจุนเป็นแบบนี้มาก่อนเลย “..พี่ขอโทษนะ ถ้าทำอะไรผิดไป พี่ไม่รู้ตัวจริงๆว่าพี่บ้างานมากเกินไป อย่าเลิกกับพี่นะ..”
“พี่ดูจุน… รู้ใช่มั้ยว่าเมื่อเช้าเกิดอะไรขึ้นที่หน้าบริษัท”
“ตอบก่อนได้มั้ยว่าเธอจะไม่เลิกกับพี่” เขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ในจิตใจมีแต่ความกลัวว่าจะเสียคนๆนี้ไป
“พวกเขาเกลียดฉัน แต่พวกเขา…รักพี่ แล้วพี่ก็อยู่ได้ด้วยบิวตี้ ไม่ใช่ฉัน”
“แล้วเธอไม่ใช่บิวตี้เหรอ…” เขาลูบแก้มของเธออย่างช้าๆ.. “..เธอไม่ได้รักพี่เหมือนๆกับพวกเขาหรือไง ?”
พรรณวสาพูดไม่ออก มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ไหลออกมา ดูจุนไล้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้กับเธออย่างนุ่มนวล “จำไม่ได้เหรอ ตอนเราเจอกันครั้งแรก..เธอบอกว่าเธอเป็นบิวตี้ที่มาจากเมืองไทย ตอนนั้นเธอหัวยุ่งๆ ใส่เสื้อบีสท์สีแดงกับกางเกงยีนส์…” ดูจุนเล่าไปเขาก็เผลอยิ้มทั้งที่น้ำตาคลอ “..พี่ว่างๆอยู่ก็เลยพาเธอไปกินข้าว แต่เธอกลับเอาแต่เล่นกับแมวที่ร้านอาหาร แล้วหลังจากวันนั้น พี่ก็ไม่มองคนอื่นอีกเลย พี่ชวนเธอมางานแฟนไซน์เพราะอยากเห็นหน้า พี่ล็อคแฟนคลับผู้โชคดีจากการสุ่มต่างๆให้เป็นเธอก็เพราะพี่อยากอยู่กับเธอ พี่บอกให้เธอตามพี่ ปีนกำแพงบริษัทเข้ามาหาพี่ เพราะพี่รู้ว่าอยู่ในฐานะนั้น..พี่เป็นฝ่ายไปหาเธอไม่ได้ จนพี่ทนไม่ไหว ต้องขอเธอเป็นแฟน เพื่อที่จะได้ดูแลเธอ..อย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งทำให้ผู้หญิงคนหนึ่ง”
“…”
“เธอคือคนที่พี่รักนะ พรรณวสา อย่าคิดว่าตัวเองไม่สำคัญจะได้มั้ย ? ”
“แต่พี่กลับมีเวลาให้คนอื่นๆและไม่มีเวลาให้ฉัน พี่รู้มั้ยว่าฉันไม่มีความสุขเลย”
“…พี่ขอโทษ” น้ำเสียงของดูจุนแหบแห้ง เขาไม่มีอะไรจะแก้ตัวนอกจากคำขอโทษ “พี่ก็แค่…กลัว”
“กลัวอะไร ?” พรรณวสาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ‘กลัว’…คำๆนี้ไม่เคยออกจากปากดูจุนให้เธอได้ยินเลย
“กลัวทุกอย่าง เธอเคยบอกพี่ว่าประเพณีไทยผู้ชายต้องให้เงินครอบครัวผู้หญิงตอนแต่งงาน พี่กลัวไม่มีเงิน กลัวไม่ได้แต่งงานกับเธอ…”
ด้านที่อ่อนแอที่พรรณวสาไม่เคยเห็นจากดูจุน…มันทำให้เธออยากเข้าไปกอดปลอบเขาเสียตอนนี้เลย
“..กลัวครอบครัวของเราไม่มีพื้นฐานการเงินที่ดีพอ กลัวลูกของเราจะลำบาก กลัวแม้กระทั่ง…ถ้าเธอหมดรักพี่ เธอจะทิ้งพี่ไป พี่เลยอยากแต่งงานกับเธอเร็วๆ”
เขาปล่อยมือเธอแล้วค่อยๆคุกเข่าลง พรรณวสาตกใจและทำอะไรไม่ถูก “พี่จะบอกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่ว่าไม่กล้า…” หัวใจของพรรณวสาเต้นไม่เป็นจังหวะ ดูจุนเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงและยื่นมันให้เธอพร้อมกับเงยหน้ามองผู้หญิงที่เขารักมาก เธอมองเห็นได้ชัดว่ามือของเขาสั่น
“แต่งงานกับพี่นะ”
ราวกับว่ามันคือความฝันเมื่อแหวนเพชรอันงดงามอยู่ตรงหน้าของพรรณวสา และผู้ชายที่เธอรักมาแสนนาน…กำลังคุกเข่าและร้องไห้อยู่ตรงนี้ เธอไม่อยากเห็นเขาเป็นแบบนี้จึงคุกเข่าให้เท่าเขาแล้วเช็ดน้ำตาให้ทันที
“เราจะแต่งงานกันตอนนี้ได้ยังไง..” บอกทั้งๆที่ยังไล้มือเช็ดน้ำตาที่เธอไม่เคยเห็นตั้งแต่คบกันมา
“ได้สิ พี่จะทำตามประเพณีไทยทีหลัง แต่ตอนนี้…พี่กลัวจะเสียเธอไป พี่อยากจะผูกมัดเธอด้วยแหวนวงนี้ อยากให้ผู้ชายที่ไหนก็ตามที่มาเจอเธอก็ต้องรู้ว่าเธอมีเจ้าของแล้ว อยากให้เธอรู้อยู่เสมอว่าเธอเป็นของพี่ อยากให้เธอ…เป็นภรรยาของพี่จริงๆ”
“พี่เป็นบีสท์นะ พี่คือยุนดูจุนที่ดังมากๆ พี่จะมาแต่งงานกับฉันตอนนี้ได้ยังไง จะมีหลายคนต้องเสียใจกับการแต่งงานของพี่”
“พี่จะไม่บอกใคร แต่ถ้าวันหนึ่งพวกเขารู้เรื่องนี้ ถ้าพวกเขารักพี่จริง พวกเขาต้องเข้าใจพี่ และก็ต้องรักเธอด้วย”
พรรณวสาไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลยในชีวิต ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าดูจุนจะเลือกรักเธอเป็นคนสุดท้าย
“ตอนนี้พี่อาจจะทำได้ดีที่สุดแค่นี้ แต่สักวันหนึ่ง…พี่จะบอกกับคนทั้งโลกเลยว่าเธอคือภรรยาของพี่ คือผู้หญิงที่พี่รัก เธอรอได้มั้ย ? อย่าไปไหนเลยได้มั้ย…” ยิ่งดูจุนขอร้องเธอ น้ำตาของเขาก็ยิ่งไหล เขาเองก็ไม่เคยคิดว่าจะรักผู้หญิงคนหนึ่งได้มากมายขนาดนี้ “เธออาจจะเคยคิดว่าเธอเป็นตัวเลือกของพี่ แล้วตอนนั้นพี่ก็เลือกเธอ แต่ตอนนี้…เธอตอบพี่หน่อยได้มั้ยว่าเธอจะเลือกรักแค่พี่”
“หยุดร้องไห้ได้แล้ว…เสียภาพพจน์ลีดเดอร์หมดเลย” ดูจุนก้มหน้าลงอย่างหงอยๆ พรรณวสาบอกกับเขาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ฉันก็เลือกรักแค่พี่ตั้งแต่พี่อยู่ในจอคอมแล้ว”
พรรณวสายิ้มออก ดูจุนเองก็ยิ้มทั้งน้ำตา เขาถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “แต่งงานกับพี่นะ พรรณวสา”
“…ค่ะ พี่ยุนดูจุน”
เขายิ้มกว้างแล้วสวมแหวนให้กับเธออย่างช้าๆและรู้สึกตื่นเต้น พรรณวสาเองก็เช่นเดียวกัน เธอมองตามมือหนาที่บรรจงสวมแหวน สลับกับมองหน้าเขาที่เต็มไปด้วยความสุข ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคืนนี้จะเป็นความจริง เธอตื้นตันจนกลั้นน้ำตาไม่ไหว รู้สึกว่ารักผู้ชายคนนี้เหลือเกิน
เป็นครั้งแรกที่ดูจุนเขินอย่างเปิดเผยขนาดนี้ พรรณวสาเป็นฝ่ายโผเข้าไปกอดเขา ทั้งคู่ต่างหลับตาให้น้ำตาไหลออกมา และซึมซับความรักของกันและกัน…
“พี่ขอโทษที่พี่ลืมแม้กระทั่งให้บัตรคอนเสิร์ตกับเธอ ต่อไปนี้พี่จะดูแลภรรยาของพี่ให้ดี จะมีเวลาให้ จะไม่ทิ้งไปไหนอีกแล้ว”
“ฉันก็จะไม่งี่เง่าแล้วเหมือนกัน ขอโทษนะที่ชอบทำนิสัยเป็นเด็ก..”
“ไม่อะ พี่รักนิสัยแบบนั้น”
ว่าพลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นแล้วลูบหัวเธอเบาๆ “อย่าบอกเลิกพี่อีกนะ ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะบอกเลิกพี่.. อย่าทำอย่างนั้นนะ”
“รู้แล้ว.. ฉันหายโกรธพี่ตั้งแต่เห็นว่าพี่มาหาแล้ว ฉันไม่นึกว่าพี่จะเป็นเอามากขนาดนี้"
“มากสิ เมียพี่ทั้งคน พี่ไม่ปลอยให้เธอจากไปไหนหรอกนะ”
พรรณวสายิ้มกว้างและซุกซบใบหน้าลงกับไหล่หนาอย่างมีความสุข สักพักดูจุนก็พูดขึ้น "พี่น่าจะขอเธอแต่งงานตั้งแต่เมื่อคืนด้วยซ้ำ กำลังโรแมนติกเลย อุตส่าห์วางแผนไว้ แล้วดูตอนนี้สิ-..-"
"ไม่เป็นไรหรอก แบบนี้ก็ดีแล้ว..."
"คืนนี้พี่มาอย่างไม่หล่อเลย แล้วก็เปียกฝนด้วย-3-"
"ไม่เห็นเป็นไรเลย ยังไงฉันก็หล่อกว่าพี่อยู่แล้ว^o^"
"หึ."
พวกเขาหัวเราะและกอดกันอย่างนั้นเนิ่นนาน…จนกระทั่งพรรณวสาพูดขึ้น
“ไม่เมื่อยเหรอ”
“เออ นั่นน่ะสิ เมื่อยอะ ยิ่งยอกๆอยู่” เขาแกล้งบ่นเป็นคนแก่แล้วประคองร่างบางขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน ดูจุนก้มหน้ามองแหวนเพชรที่ส่องประกายยิบยับอย่างภาคภูมิใจ
“น้องแกรนด์ของพี่…”
เขาเรียกชื่อเธออย่างหลงใหลพลางคว้าตัวเธอมากอดต่ออย่างเต็มรัก พรรณวสาได้แต่หัวเราะในความน่ารักของดูจุนแล้วกอดตอบเขาแน่น
“รักพี่มั้ย”
“รักมากๆ”
เธอตอบได้อย่างไม่ลังเล ทำเอาตาลุงแก่แก่ของเธอยิ้มไม่หุบ “ว่าแต่ เมื่อคืนพี่แค่พูดว่าสุขสันต์วันเกิด แต่พี่ยังไม่ได้อวยพรฉันเลยนะ” เธอขยับตัวออกมาเล็กน้อยเพื่อพูดกับเขา
“จริงด้วย พี่ต้องอวยพรในฐานะผู้เฒ่าผู้แก่สินะ-..-“
“ใช่ ฮิฮิ” พรรณวสายิ้มจนตาปิด เพราะมัวแต่ชะล่าใจว่าคืนนี้ดูจุนเป็นรองเธอ ก็เลยไม่ทันสังเกตเลยว่าตาลุงแก่แก่นั้นได้ใช้วิชาเนียนค่อยๆขยับให้เธอขึ้นมานั่งตักเขาอีกแล้ว
“อืมมมม งั้นขอให้เธอมีความสุขมากๆกับคนที่เธอรัก…ซึ่งก็คือพี่ ^______^ ขอให้เธอเจอแต่เรื่องดีๆในชีวิต ขอให้เธอไม่มีโรคภัย ขอให้เธอปลอดภัย แล้วก็…”
เขาอมยิ้มพลางลูบหัวเธอป้อยๆ “ขอให้เธอกลับมาตัดผมทรงหมวกกันน็อคได้มั้ยอะ”
“ทำไมอะ” พรรณวสาเซอร์ไพรส์เล็กๆที่เขาชอบผมทรงนั้น “พี่ว่ามันน่ารักดี”
“มีแต่คนบอกว่าเหมือนทอม- -“
“หืม ไหนทอม..” ปรับโหมดเป็นดูจุนจอมเจ้าเล่ห์พลางจูบปากพรรณวสาโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว เขาฉกชิงความหอมหวานของโพรงปากอุ่นไปจนพอใจแล้วจึงถอนจูบ ดูจุนกระซิบที่ข้างหูเธอ “..ทอมที่ไหนจะหวานขนาดนี้.. สวยด้วย”
“เราไม่หวาน-//- เราแมนนะ!” พรรณวสายังพยายามจะหาทางหนีทีไล่
แต่ไม่ทันดูจุนซะหรอก X)
“เหรอ ไม่หวานเหรอ” ว่าพลางแตะปลายลิ้นเลียเบาๆที่กกหูของเธอ พรรณวสาขนลุกแล้วทำท่าจะขยับหนีเขา “หวานออก”
“ดูจุนบ้า!”
เขาหัวเราะในลำคอแล้วยังแกล้งเธอต่อ ชายหนุ่มจูบหน้าผาก แก้ม และคอของเธอ แล้วยังเอามาพูด “หวาน…ทุกส่วนเลย”
“ไอ่หน้าแก่-//-“
“อยากกินขนมหวาน"
"เดี๋ยวแม่ได้ยิน.."
"ก็เบาๆสิ!"
“งื้อออออออออออ”
และแล้ว ก็เป็นอีกคืนที่พรรณวสาไม่รอดเงื้อมือดูจุน -..-
ทั้งสองไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากวันนี้ มันอาจเป็นแค่การเริ่มต้นที่มีหนทางแสนยาวไกล แต่แหวนแต่งงานก็เป็นเสมือนเครื่องหมายว่าพวกเขาได้ฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกันมา และเป็นสัญญาว่าจะร่วมทางกันต่อไป
พวกเขาไม่สนว่ามันจะดูเป็นการแต่งงานที่เร็วเกินไป เพราะถ้าเราเจอคนที่ใช่…ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรอ
ของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิตของพรรณวสา ไม่ใช่แหวนเพชร หรือดอกกุหลาบสีชมพูในห้อง แต่เป็นความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นในวันเกิดปีนี้…ซึ่งก็คือวันแต่งงานของเธอกับดูจุนด้วย แม้มันจะดูธรรมดา แต่สำหรับเธอมันคือสิ่งที่พิเศษที่สุด เป็นของขวัญที่ตีราคาไม่ได้ และหาที่ไหนไม่ได้อีก
ความรักของยุนดูจุนแห่งวงบีสท์ พรรณวสาจะเก็บเอาไว้ในหัวใจ ไม่ให้ใครขโมยมันไป และไม่มีวันลบเลือน..
Happy Birthday to Phanwasa <3
ผลงานอื่นๆ ของ decamono11 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ decamono11
ความคิดเห็น